15
Powerful Quotes From The World’s Most Humble President – #3 Is Eye-Opening!
๑๕
คำพูดที่ทรงพลัง จาก ประธานาธิบดีที่ถ่อมตนที่สุดของโลก
Posted 7 months, 1 week ago by Satyapriya
Source: www.trueactivist.com |
Original Post Date: July 1, 2014 –
Uruguay’s
former president, Jose Mujica, donated of his salary to charity and
is an inspirational example for all seeking to co-create peaceful change.
อดีตประธานาธิบดีอูรูกวัย,
โฮเซ มูฮิคา, ได้บริจาค90% ของเงินเดือนท่านให้แก่การกุศล
และเป็นตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจแก่คนทั้งปวง
ที่แสวงหาเพื่อนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยสันติ.
Naming Uruguay the country of the year in
2013, the Economist may very well have described the rising nation’s
head of state, President José “Pepe” Mujica.
ด้วยการ ยกย่อง อูรูกวัยให้เป็น
ประเทศแห่งปี ในปี ๒๕๕๖, วารสาร Economist
อาจบรรยายผู้นำชาติที่กำลังโดดเด่นขึ้น, ประธานาธิบดี โฮเซ “เปเป้” มูฮิคา.
Here are some of our
favorite quotes by the one-of-a-kind president with a powerful message:
นี่เป็นคำพูดที่พวกเราชอบและได้นำมาอ้าง
เป็นคำพูดที่ประธานาธิบดีประเภท “หนึ่งไม่มีสอง”
กล่าวขาน และเป็นสารที่ทรงพลัง.
1. On revolutions
and revolts /
ว่าด้วยการปฏิวัติ และ การขบถ
“I’ve seen some springs
that ended up being terrible winters. We human beings are gregarious. We can’t
live alone. For our lives to be possible, we depend on society. It’s one thing
to overturn a government or block the streets. But it’s a different matter
altogether to create and build a better society, one that needs organization,
discipline and long-term work. Let’s not confuse the two of them. I want
to make it clear: I feel sympathetic with that youthful energy, but I think
it’s not going anywhere if it doesn’t become more mature.” (Source)
“ผมได้เห็นบางฤดูใบไม้ผลิ
กลับกลายเป็นฤดูหนาวที่โหดร้าย.
มนุษย์เราชอบเกาะกลุ่มเจรจาอยู่ร่วมกัน.
เราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ตามลำพัง.
เพื่อให้ชีวิตของเราดำรงอยู่ได้, เราพึ่งพาสังคม. มันเป็นเรื่องหนึ่ง ที่จะล้มล้างรัฐบาล หรือ
ขวางกั้นบนท้องถนน.
แต่มันเป็นเรื่องที่ต่างออกไปทั้งหมดในการสรรค์สร้างสังคมที่ดีกว่า,
นี่ต้องมีการจัดขบวนเป็นลักษณะองค์กร, มีวินัย และ การทำงานระยะยาว.
ขอให้อย่าสับสนสองเรื่องนี้.
ผมต้องการพูดให้เห็นชัดว่า: ผมเห็นใจกับพลังหนุ่มสาว, แต่ผมคิดว่า
มันจะไปไม่ถึงไหน หากมันไม่มีวุฒิภาวะมากขึ้น.”
2. On legalizing
marijuana / ว่าด้วยการอนุญาตให้กัญชา เป็นเรื่องถูกกฎหมาย
When asked about
opposition to legalizing marijuana, he said:
“It has always been like
that with changes. In 1913, we established divorce as a right for women in
Uruguay. You know what they were saying back then? That families would
dissolve. That it was the end of good manners and society. There has always
been a conservative and traditional opinion out there that’s afraid of change.
When I was young and would go dancing at balls, we’d have to wear suits and
ties. Otherwise they wouldn’t let us in. I don’t think anyone dresses up for
dancing parties nowadays.”
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการขัดขวางการทำให้กัญชาเป็นเรื่องถูกกฎหมาย,
เขากล่าวว่า.
“มันก็เป็นอย่างนั้นมาตลอดเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง. ในปี ๒๔๕๖, เราได้ออกกฎหมายให้การหย่าร้าง
เป็นสิทธิของผู้หญิงในอูรูกวัย.
คุณรู้ไหมว่าพวกเขาพูดกลับมาอย่างไร?
พวกเราบอกว่า ครอบครัวจะล่มสลาย. ว่าจะเป็นจุดจบของมารยาทดีงามและสังคม. ความเห็นอนุรักษ์นิยมมีมาตลอดที่กลัวการเปลี่ยนแปลง. เมื่อผมยังเป็นหนุ่มและจะออกไปงานเต้นรำ,
เราต้องใส่สูทผูกเน็คไท. มิฉะนั้น
พวกเขาก็จะไม่ยอมให้พวกเราเข้าไป.
ผมไม่คิดว่า มีใครที่แต่งตัวพร้อมเข้าร่วมปาร์ตี้เต้นรำทุกวันนี้.”
3. On materialism / ว่าด้วยวัตถุนิยม
“We have sacrificed the
old immaterial gods, and now we are occupying the temple of the Market-God. He
organizes our economy, our politics, our habits, our lives, and even provides
us with rates and credit cards and gives us the appearance of happiness.
“It seems that we have
been born only to consume and to consume, and when we can no longer consume, we
have a feeling of frustration, and we suffer from poverty, and we are auto-marginalized.”
(Source)
“พวกเราได้สละพลีพระเจ้าเก่าที่ไม่ยึดวัตถุ,
และตอนนี้ พวกเราก็กำลังเข้าไปอยู่เต็มวัดแห่งพระเจ้าตลาด. พระองค์จัดระบบเศรษฐกิจของเรา, การเมืองของเรา,
อุปนิสัยของเรา, รวมทั้งจัดอันดับ, ให้บัตรเครดิต แก่พวกเรา และมอบหน้าตาแห่งความสุขให้พวกเรา.”
“มันเหมือนกับว่า
พวกเราเกิดมาเพียงเพื่อบริโภคแล้วบริโภคอีก, และพอพวกเราบริโภคอีกต่อไปไม่ไหว,
พวกเรามีความรู้สึกอึดอัด หงุดหงิด, และก็เป็นทุกข์เพราะความยากจน,
และพวกเราก็กลายเป็นผู้เบียดตนเองให้ชิดชายขอบ.”
4. On global
consumption / ว่าด้วยการบริโภคโลก
“We can almost recycle
everything now. If we lived within our means, by being prudent, the 7 billion
people in the world could have everything they needed. Global politics should
be moving in that direction. But we think as people and countries, not as a species.”
(Source)
“เราสามารถรีไซเคิลทุกสิ่งทุกอย่างในปัจจุบัน. หากเราดำรงชีพตามอัตภาพ, รู้จักประหยัด
พอเพียง, ประชาชน ๗
พันล้านคนในโลกก็สามารถมีทุกอย่างที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ได้. การเมืองโลกควรเคลื่อนตัวไปในทิศทางนั้น. แต่พวกเรากลับคิดในฐานะประชาชนและประเทศ,
ไม่ใช่เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ร่วม.”
5. On abortion and
same-sex marriage / ว่าด้วยการทำแท้ง และ แต่งงานเพศเดียวกัน
In an interview with
Brazilian news agency O Globo, Mujica said:
“We applied a very
simple principle: Recognize the facts. Abortion is old as the world. Gay
marriage, please — it’s older than the world. We had Julius Caesar, Alexander
the Great, please. To say it’s modern, come on, it’s older than we are. It’s an
objective reality that it exists. For us, not legalizing it would be to torture
people needlessly.”
ในการให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวปราซิล
โอ โกลโบ, มูฮิคา กล่าวว่า.
“เราใช้หลักการง่ายๆ:
ยอมรับข้อเท็จจริง.
การทำแท้งเป็นเรื่องเก่าแก่พอๆ กับโลก.
การสมรสของเกย์, ได้โปรด—เก่าแก่ยิ่งกว่าโลกเสียอีก. เรามี จูเลียส ซีซาร์, อเล็กซานเดอร์มหาราช,
ได้โปรด.
แล้วจะมาบอกว่ามันเป็นเรื่องทันสมัย, พูดเป็นเล่น,
มันเก่าแก่ยิ่งกว่าพวกเรา.
มันเป็นความจริงที่เป็นรูปธรรมว่ามันมีอยู่. สำหรับพวกเรา, การไม่อนุญาตให้ถูกกฎหมาย
จะเป็นการทรมานคนอย่างไม่จำเป็น.”
6. On ending
conflict / ว่าด้วยการยุติความขัดแย้ง
When asked about
Uruguay offering its services to try and end the 50-year-old conflict in
Colombia between the government and the ELN rebel group:
“From afar, it seems
like a war without a solution and like a long sacrifice for the entire country.
So when a president appears who tries to open a path to peace, I think that
deserves support, because there is a lot of pain, and if they try to settle scores,
the war will never end. But there is an opportunity. I would feel selfish
if I did not help in any way.
“Help does not mean to
intervene. I will not meddle if I am not invited to do so. But if I can serve
as a go-between with my experience, I will support the government’s call for
dialogue with the rebel forces who also have their problems, who also have
their fears. I think all us Latin Americans have to help.”
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการที่อูรูกวัย
ให้ความช่วยเหลือในความพยายามยุติความขัดแย้งนาน ๕๐ ปี ระหว่างโคลัมเบีย กับ
รัฐบาล และ กลุ่มขบถ ELN
“มองจากมุมห่างไกล,
มันเหมือนกับเป็นสงครามที่ไม่มีทางออก
และเป็นการสังเวยอันยาวนานสำหรับทั้งประเทศ.
ดังนั้น พอมีประธานาธิบดีปรากฏตัวขึ้น และพยายามเปิดทางสู่สันติ, ผมคิดว่า
นั่นพึงได้รับการสนับสนุน, เพราะมีความเจ็บปวดรวดร้าวมากมาย, และถ้าพวกเขาพยายามจะคิดบัญชีต่อกัน,
สงครามก็จะไม่มีวันจบ.
แต่มีโอกาสหนึ่ง.
ผมคงรู้สึกเห็นแก่ตัว หากผมไม่ได้ช่วยอะไรเลย. “การให้ความช่วยเหลือไม่ได้หมายความว่า
เข้าไปแทรกแซง.
ผมจะไม่เข้าไปคลุกคลีหากไม่ได้รับเชิญให้ทำเช่นนั้น.
แต่หากผมสามารถทำหน้าที่เป็นสื่อกลางด้วยการใช้ประสบการณ์ของผม, ผมจะสนับสนุนเสียงเรียกของรัฐบาลเชิญชวนให้กองกำลังขบถเข้ามาสานเสวนา พวกเขาก็มีปัญหาของพวกเขาด้วย,
มีความกลัวเช่นกัน. ผมคิดว่า
พวกเราชาวลาตินอเมริกันทั้งหมดต้องช่วยกัน.”
7. On staying
humble in office / ว่าด้วยการอยู่อย่างนอบน้อมถ่อมตนในตำแหน่ง
“As soon as politicians
start climbing up the ladder, they suddenly become kings. I don’t know how it
works, but what I do know is that republics came to the world to make sure that
no one is more than anyone else.” The pomp of office, he said, is like
something left over from a feudal past: “You need a palace, red carpet, a lot
of people behind you saying, ‘Yes, sir.’ I think all of that is awful.”
“ทันทีที่นักการเมืองเริ่มไต่ขึ้นบันได,
พวกเขากลายเป็นพระราชา.
ผมไม่รู้ว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น, แต่ผมรู้ว่า ระบบสาธารณรัฐ เกิดขึ้นในโลก
เพื่อทำให้แน่ใจได้ว่า ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร”. สำหรับสำนักงานพิธีกรรม, เขากล่าวว่า, เป็นเสมือนซากเดนจากอดีตศักดินา, “คุณต้องมีวัง,
พรมแดง, บริวารเดินตามมากมาย ที่คอยขาน ‘ครับผม’. ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้ไม่เอาไหน.”
8. On
redistribution of wealth / ว่าด้วยการกระจายความมั่งคั่ง
“Businesses just want to
increase their profits; it’s up to the government to make sure they distribute
enough of those profits so workers have the money to buy the goods they
produce,” Mujica told businessmen at
the U.S. Chamber of Commerce. “It’s no mystery — the less poverty, the more
commerce. The most important investment we can make is in human resources.”
“ธุรกิจมีแต่ต้องการเพิ่มกำไร,
จึงอยู่ที่รัฐบาลที่จะทำให้แน่ใจว่า ภาคธุรกิจกระจายผลกำไรมากพอ เพื่อที่คนงานจะได้มีเงินไปซื้อสินค้าที่พวกเขาผลิต”,
มูฮิคา บอกนักธุรกิจที่หอการค้าสหรัฐฯ. “มันไม่ใช่เรื่องลึกลับเลย—ความยากจนลด,
การพาณิชย์เพิ่ม.
การลงทุนที่สำคัญที่สุดที่เราทำได้ คือ ในทรัพยากรมนุษย์.”
9. On age / ว่าด้วยอายุ
“What’s sad is that an
80-year-old grandpa has to be the open-minded one. Old people aren’t old
because of their age, but because of what’s in their heads. They are horrified
at this, but they aren’t horrified at what’s happening in the streets?” (Source)
“สิ่งที่น่าเศร้าคือ
ปู่อายุ ๘๐ คนหนึ่ง จะต้องเป็นคนที่ใจกว้าง.
คนแก่ไม่ใช่แก่เพราะอายุ, แต่เพราะสิ่งที่มีอยู่ในหัวของพวกเขา. พวกเขาตื่นกลัวกับเรื่องนี้, แต่ไม่ตื่นกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนท้องถนน.”
10. On addiction / ว่าด้วยการเสพติด
“Worse that drugs is
drug trafficking. Much worse. Drugs are a disease, and I don’t think that there
are good drugs or that marijuana is good. Nor cigarettes. No addiction is good.
I include alcohol. The only good addiction is love. Forget everything else.” (Source)
“มันแย่อยู่แล้วนะ ที่คำว่า "ยา" ได้กลายเป็นการค้ายา. ที่แย่กว่านั้น. ยากลายเป็นเชื้อโรค, และผมไม่คิดว่า มันเป็นยาดีๆ
หรือ ว่ากัญชาดี. บุหรี่ก็ไม่. ไม่มีสิ่งเสพติดใดๆ ที่เป็นของดี.
รวมทั้งเหล้า.
การเสพติดที่ดีมีเพียงอย่างเดียวคือ ความรัก ที่ลืมทุกอย่างนอกนั้นหมด”.
11. On being called
the world’s poorest president
“I’m not the poorest
president. The poorest is the one who needs a lot to live. My lifestyle is a
consequence of my wounds. I’m the son of my history. There have been years when
I would have been happy just to have a mattress.” (Source)
“ผมไม่ได้เป็นประธานาธิบดีที่ยากจนที่สุด. คนที่ยากจนที่สุด คือ คนที่ต้องการสิ่งของมากมายเพื่อดำรงชีพ. ไลฟ์สไตล์/ลีลาชีวิตของผม
เป็นผลจากบาดแผลของผม.
ผมเป็นบุตรของประวัติศาสตร์ของผม.
มีอยู่หลายปีทีเดียว ที่ผมจะมีความสุขมากเพียงเมื่อมีที่ฟูกนอนสักหลัง.”
12. On donating 90%
of his salary to charity / ว่าด้วยการบริจาค 90% ของเงินเดือนให้การกุศล
“I have a way of life
that I don’t change just because I am a president. I earn more than I need,
even if it’s not enough for others. For me, it is no sacrifice, it’s a duty.” (Source)
“ผมมีวิถีชีวิตของผมเอง
ที่ผมไม่เปลี่ยนเพียงเพราะผมเป็นประธานาธิบดี.
ผมได้รับเงินมากกว่าที่ผมจำเป็นต้องใช้, แม้ว่ามันจะไม่พอสำหรับคนอื่น. สำหรับผม, มันไม่ใช่การเสียสละ,
มันเป็นหน้าที่.”
13. On his goals
for Uruguay / ว่าด้วยเป้าหมายสำหรับอูรูกวัย
“My goal is to achieve a
little less injustice in Uruguay, to help the most vulnerable and to leave behind
a political way of thinking, a way of looking at the future that will be passed
on and used to move forward. There’s nothing short-term, no victory around the
corner. I will not achieve paradise or anything like that. What I want is to
fight for the common good to progress. Life slips by. The way to prolong it is
for others to continue your work.” (Source)
“เป้าหมายของผมคือ
ลดความอยุติธรรมลงสักหน่อยในอูรูกวัย, ช่วยคนที่เปราะบางที่สุด และ ฝากวิธีคิดเชิงการเมือง,
วิธีมองอนาคต ไว้ให้ส่งต่อและใช้เพื่อขับเคลื่อนไปข้างหน้า. ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องระยะสั้น,
ไม่มีชัยชนะรอคอยอยู่.
ผมจะไม่ได้สวรรค์หรืออะไรทำนองนั้น.
สิ่งที่ผมต้องการ คือ ต่อสู้เพื่อสาธารณะประโยชน์สู่ความก้าวหน้า. ชีวิตหลุดร่วงไปง่ายดาย. วิธียืดให้มันยาวขึ้น คือ
ทำให้ผู้อื่นทำงานของคุณต่อไปได้.”
14. On being a
president / ว่าด้วยการเป็นประธานาธิบดี
“A president is a
high-level official who is elected to carry out a function. He is not a king,
not a god. He is not the witch doctor of a tribe who knows everything. He is a
civil servant. I think the ideal way of living is to live like the vast
majority of people whom we attempt to serve and represent.” (Source)
“ประธานาธิบดีเป็นตำแหน่งสูง
ผู้ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่.
เขาไม่ใช่พระราชา, ไม่ใช่พระเจ้า.
เขาไม่ใช่พ่อมดหมอผีของเผ่าใดเผ่าหนึ่งที่รู้ทุกอย่าง. เขาเป็นผู้รับใช้พลเมือง. ผมคิดว่า วิถีชีวิตที่เป็นอุดมคติ คือ
อยู่เหมือนประชาชนส่วนใหญ่ ผู้ที่เราพยายามจะรับใช้และเป็นตัวแทน.”
15. On the secret
to happiness / ว่าด้วยสูตรลับสู่ความสุข
“To live in accordance
with how one thinks. Be yourself and don’t try to impose your criteria on the
rest. I don’t expect others to live like me. I want to respect people’s
freedom, but I defend my freedom. And that comes with the courage to say what
you think, even if sometimes others don’t share those views.” (Source)
“ยังชีพให้สอดคล้องกับสิ่งที่ตนคิด. เป็นตัวของตัวเอง และ
อย่าพยายามยัดเยียดตัวชี้วัดของคุณเองใส่คนอื่นๆ.
ผมไม่คาดหวังว่า คนอื่นๆ จะต้องมีชีวิตอยู่กินอย่างผม. ผมต้องการเคารพเสรีภาพของประชาชนทั่วไป,
แต่ผมไม่ปกป้องเสรีภาพของผมเอง.
และนั่นมาพร้อมกับความกล้าหาญ ที่จะพูดในสิ่งที่คุณคิด, แม้ว่า
บางครั้งคนอื่นจะไม่เห็นด้วยกับความเห็นเหล่านั้น.”
Sources:
Source: www.trueactivist.com